วันศุกร์, ตุลาคม 21, 2548

เพลงของฉัน

ต่อไปนี้ จะเล่าความเป็นมาทั้งหมด เรื่องดนตรีและแต่งเพลงของตู...

1.ก่อนหน้าที่จะมีเรื่องราวทั้งหมด ตูชอบเสียงเปียโน กับ MusicBox มาก(โตมาชอบเสียง Cello)

2.ตอน ม.3 ปลายๆ พี่ชายซื้อกีตาร์มาแล้วเอามาทิ้งไว้ที่บ้าน พี่จะเอามาหัดเล่น แต่น้องชาย(ตู)เลยหยิบมามั่วๆดู เพราะ พี่ก็ลืมตารางคอร์ดกับหนังสือเพลงเล่มบางๆไว้ ก็เลยพยายามจับๆมั่วตามตารางคอร์ด และตามหนังสือเพลง และพี่ก็ทิ้งกีตาร์ไว้ ไม่เอาไป แถมทิ้งเทปโมเดิร์นดอกชุดแรก ฟอร์ด ชุดแรก และบอยโกสิยพงศ์ชุดแรก และอีกหลายๆอัน แล้วทิ้งไว้ที่บ้าน ไม่ได้เอาไป จากที่เมื่อก่อนตูไม่เคยฟังเพลงอะไรเลย นับได้ว่า พี่ชายตูเป็นคนหว่านเมล็ดดนตรีลงในหัวตูน่ะเอง ตอนนั้น ชอบโมเดิร์นด็อกมาก ในขณะที่เพื่อนแถวนั้น จะรู้จักแค่เพลง "ก่อน" เพลงเดียว แต่ตู ร้องเป็นหมดทุกเพลง...

3.พอเล่นกีตาร์เป็น จะเรียกว่าเป็นก็ไม่ถูก เพราะเป็นการรู้แค่คอร์ด แต่ไม่รู้อะไรเลย ก็เริ่มคิดว่า เพลงแต่ละเพลง ไม่เคยแต่งโดนใจตูเลยซักเพลง ลองมั่วๆ แต่งเพลงขึ้นมา ชื่อเพลงว่า "ความรู้สึก(อย่างนึง)" แต่ก็ไม่เคยร้องให้ใครฟัง เลย และมีอีกหลายเพลงเริ่มผุดๆขึ้นมา ซึ่งเป็นเพลงที่ไม่ได้เรื่องเลย

4.มอ 5 เริ่มมีเพื่อนรู้ว่าเล่นกีตาร์เป็น เลยชวนกันไป ประกวดโฟลค์ซองภายในโรงเรียน ดันไม่รู้ว่าต้องตั้งชื่อวง อาจารย์เลยตั้งชื่อวงว่าวง "พระอวิรุทธ์" (เป็นชื่อวงที่เท่มาก หึ หึ) คนร้อง เป็นกะเทย แม้เสียงเค้าดีและมั่นใจ แต่เค้ามาถึงเวทีช้า ทำให้คนฟังรอนาน รวมทั้งตู ที่ต้องขึ้นไปนั่งเกร็ง อยู่บนเวทีคนเดียว พอเพื่อนขึ้นมาถึง คนดูเห็นว่าเป็นกระเทยเลยโห่ คนร้องคงเกร็งเลยร้องผิดจากคีย์ที่ซ้อมกันไว้ แถมตูก็เกร็ง เล่นผิดไปหมด คนยิ่งโห่ไล่ลงจากเวทีเข้าไปใหญ่ พอมาถึงเพลงสุดท้าย เอาเพลง "ก่อน" มาเล่น และเป็นเพลงที่ตูร้องเอง ไม่รู้เพราะอะไรคนดูเงียบกริบ จะคิดเข้าข้างว่าตูร้องเพราะสะกดจิตคนดู รึว่าเพราะกะเทยไม่ร้อง รึว่า 2 เพลงแรกเป็นเพลงของเบิร์ด กับเพลงฝรั่งตระกูล มาราย แครีย์(แต่ไม่ใช่ของมารายนะ)แล้วเพลงที่ 3 กลับเป็นเพลงคนละแนว รึว่าตูเครียดจนเอามาระบายและใส่อารมณ์กะเพลงสุดท้ายไม่รู้ แต่เหมือนคนดูอึ้งสุดๆ พอจบเพลงตูเหลือบไปดูคนดู เห็นได้ชัดว่าต่างคน ต่างมองหน้าตามตูตลอด แต่ตูอายสุดๆ อายจริงๆ ตูวิ่งหลบๆ และหายเข้าไปในกลีบเพื่อน

5.มอ6 แต่งเพลง "เธอคือนางฟ้า" และเพลง "อยากบอก" ไอ้แจ๊คแลเห็น ตาบอยแลเหลียว สองเพลงนี้จึงเป็นเพลงที่สองคนนี้น่าจะจำชื่อได้จนถึงวันนี้ ได้รู้จักกับตั้มเพื่อนต่างห้อง ที่เป็นนักดนตรีและแต่งเพลงเหมือนกัน เลยสนิทกัน และรู้จักพี่กิ๊กพี่เป็นอาจารย์สอนดนตรีคนแรกก็ว่าได้ (ก่อนนั้นเคยเรียนวิชาดนตรีแต่เรียนไม่รู้เรื่อง) น้องสาวของเพื่อนให้เรามาสอนกีตาร์ให้ทุกเย็น แต่...เวลาสอนทำไมต้องชวนคุยเรื่องอื่นแล้วไม่ยอมเรียนฟะ (น้องเค้าแม่งไม่ได้อะไรเลย แต่ตูได้นั่งอยู่กะสาวทุกเย็น)

6.มอ.6 นี่เอง ช่วงนั้น ตูกะตาบอยและตั้ม ชอบอัดเพลงที่ลงเทปกัน มีเพื่อนคนนึงแอบเอาเทปที่อัดไปส่งค่ายเบเกอรี่โดยที่เราไม่รู้เรื่องด้วย ..แน่นอน มีคำวิจารณ์กลับมาว่าควรปรับปรุง แล้วมันก็เอามาบอกตูอีกแน่ะ ช่วงนั้นอัดเพลง จนทำเป็นอัลบั้มเต็มที่มีเกิน 10 เพลง(จำไม่ได้ว่ากี่เพลง) ชื่ออัลบั้มว่า "อยากจะ..." แล้วให้ฝ้ายยืมไป ฝ้ายโดนน้องที่เป็นญาติขโมยไป ไม่รู้ว่าเพลงห่วยๆแบบนั้นจะเอาไปทำไม เซ็งมากๆ อุส่าห์วาดปกด้วยสีไม้อย่างดิบดี.... นอกนั้นก็ออกซิงเกิล (พูดซะเท่)ที่มีชื่อว่า "เจ๊แว่น" แต่งให้เจ๊แว่น(นุช) เพราะไอ้นุชมันให้แต่งเพลงให้...

7.ชีวิตมหาลัยปีแรก แอบชอบลีดเดอร์ ชื่อ "หลิน" จึงแต่งเพลงชื่อ "อะไรก็หลิน" (แต่เจ้าตัวไม่เคยได้มีโอกาสได้ฟังเพลงนี้เลย และตอนเจอหน้าครั้งล่าสุดก็ไม่ทักทายกันเหมือนเมื่อก่อน) ช่วงนั้นเป็นรูมเมทกับไอปี และตาบอย เพลงที่ 2 คนนี้น่าจะจดจำได้ คือ "อะไรก็หลิน" "วันที่แอบรักคุณ" เพลงที่เมโลดี้โผล่มาในหัวตอนที่มีสาวเภสัชสองคนโผล่มาจากด้านหลัง "สาวเภสัชสองคนนั้น" และอื่นๆ นอกจากนั้น ก็แต่งเพลงให้ไอ้หล้าเป็นของขวัญวันเกิดชื่อเพลงว่า "ก็เลย" และอีกสองปี ก็แต่งวันเกิดให้มันอีก 2 เพลง ชื่อว่า "Unhappy Birthday" กับ เพลงอะไรไม่รู้ในอีกปีจำชื่อไม่ได้ ในมหาลัยปีแรกนั้นเอง ไปประกวด NU Voice โดยไอ้หล้าเป็นนักร้อง ได้แต่งเพลง "แว่ว" ไอ้หล้าร้องเพราะมาก แม้ว่าวงจะไม่ชนะเพราะคนเล่นดนตรีห่วย แต่เชื่อว่าเสียงปรบมือที่ดังสนั่นหลังหล้าร้องจบ เป็นการชื่นชมในเพลงจริงๆ เพราะตอนตูเล่น ตูยังขนลุก... หลังจากนั้น ได้เรียนระนาดทุ้ม ในวิชาดนตรีไทย และได้ร้องประสานเสียงกับอาจารย์นคร ในปีนี้นี่เองไปร้องเพลงที่แต่งให้ไอ้แมวฟัง ไอ้แมว มันสวมวิญญาณแมวขโมยมันทะลึ่งขโมยคัมภีร์ของตูไป(รวมเพลงที่ตูแต่งในช่วงนั้น 30 เพลง) และตูไม่ได้ทำสำเนาก็อบปี้ไว้ด้วย เวงจริงๆ ใครจะจำเพลงตัวเองได้หมด ถ้าไม่มีคัมภีร์ทบทวนความจำ...T-T

8.ชีวิตมหาลัยปีต่อมา ย้ายไปอยู่มอชอ ทำตัวเหลวแหลกมาก วันพรุ่งนี้จะสอบฟิสิกส์ แต่ตูนั่งแต่งเพลง "ยังรักเธอ" เพลงนี้เพื่อนที่มอชอขอให้สอนให้ร้อง นอกนั้นก็มี "เพื่อบอกคำว่ารัก" "หยุด" ที่คงเคยผ่านหูไอ้ไผ่ และเพื่อนที่มอชอ

9.ปีต่อมา ย้ายกลับมา มอนอ อีกแล้ว (ฮ่าๆๆ ซิ่วไปก็ซิ่วมา แถมเรียนไม่จบ) ได้กลับมาร้องประสานเสียงกับอาจารย์นครอีกเช่นกัน ในปีแรกไปประกวด ก็เอาเพลง "ยังรักเธอ" เนี่ยแหละ แน่นอน...ไม่ชนะหรอก ไม่เคยชนะ แต่เมย์ให้ฮาร์โมนิก้ามาให้เป่าในการประกวดด้วยและได้ฮาร์โมนิก้าเมย์มาเป็นของที่ละลึก ช่วงเวลาสมัยนั้น ชอบเมย์และอกหัก(เพราะไปแอบชอบเค้าแต่เค้ามีแฟนแล้ว) แม้รู้ว่าอกหักแต่ก็แต่งเพลงอัดลงเทปให้เมย์วันวาเลนไทน์ ก็มีเพลง "คำว่ารัก" "เคราะห์ร้ายของยายเมย์" ที่บุ๋มรูมเมทเมย์เอามาแซว(บุ๋มคือผู้รายงานข่าวช่วงเบรกของสถานีวิทยุมอนอในปัจจุบัน)เมย์เล่าว่าบุ๋มชอบเปิดฟังประจำ ได้ฟังมากกว่าเมย์อีก เลยปลื้มใจ ที่แม้เมย์ไม่ค่อยได้ฟัง แต่ก็มีคนได้ฟัง

10.หลังจากนั้น บุ๋มชวนไป ทำเพลงที่เค้าเอาไว้เปิดตอนขึ้นรายการ(มันเรียกว่าอะไรหว่า) เพลงนี้ชื่อเพลงว่า "ทานตะวัน" ตอนนั้น บุ๋มเรียนนิเทศอยู่ หลังจากนั้น พวกบุ๋มและเพื่อนๆก็ทำละครนิเทศกัน เลยชวนให้ไปแต่งเพลงประกอบละครนิเทศ เรื่อง "เงาฝัน" เพลงที่แต่ง ก็มี "ฝันที่ฉันนั้นอยากเจอ" "ความฝันที่ไม่มีวันจาง" "เส้นทางฝัน" "หากมีเธอ" และได้ให้อาจารย์เต็ม เป็นโปรดิวเซอร์ (ใครอยากฟังและซี้กับอาจารย์เต็มให้ไปขอแกเอาเอง แกน่าจะยังเก็บเพลงไว้นะ ส่วนตู ได้แค่เทปมาไม่ได้ไฟล์มาและเจ๊งไปแล้ว) ในช่วงนั้นก็มีประกวด NU Voice อีกเช่นกัน ซึ่งแน่นอน ไม่ชนะ ไม่เคยชนะ...เพลงที่แต่งในการประกวด ชื่อว่าเพลง "ส่วนเกินในชีวิตเธอ"

11.ไม่นานหลังจากช่วงเวลานี้ ก็ปล่อยเพลง "ไม่กล้า" "ฉันจะเป็นคนใหม่" ให้ไอ้ทัด ตาเก้า และโอห์มฟัง เพลง "ไม่กล้า" โอห์มได้เอาไปทำเป็นเวอร์ชั่น Rock 'n Roll และคิดจะตั้งวงกันขึ้นมาโดยให้ตาเก้าเป็นนักร้องนำ แต่ก็ล้มเลิกโครงการในที่สุด และลืมบอกไปว่า ในช่วงเวลาข้อ 9 และข้อ 10 ได้ฝึกเล่น Tenner Saxophone จากเพื่อนคนนึง(ซึ่งมันคิดจะตั้งวงเครื่องเป่า)และฝึกคลาสิกเปียโนจากอาจารย์โป้ง ทั้งแซคและเปียโนเล่นไม่เก่งหรอกเปียโนนี่เรียนไปไม่ถึงไหนเลยด้วยซ้ำ

12.จากข้อ 10 เจ้ายศ เป็นพระเอกละครนิเทศรู้ว่าตูแต่งเพลงเป็นเลยชวนไปร่วมประกวดระดับประเทศเพื่อต่อต้านยาเสพติด "จุดขาวบนม่านดำ" ของทบวงมหาวิทยาลัย แต่เจ้ายศ ไปร่วมประกวดประเภทอื่น แต่ตูเข้าร่วมประเภทประพันธ์เพลง ตอนที่ไปร่วม เจ้ายศลากตูไปโดยไม่รู้อะไรเลย ปรากฏว่าเค้าให้ส่งชื่อเพลง และเนื้อเพลง รวมทั้งความหมายที่แต่งว่าเกี่ยวกับอะไร วันนั้นเป็นวันที่ท้าทายที่สุด เพราะว่า ตูยังไม่ได้แต่งเพลง แต่ต้องส่งชื่อเพลง กะความหมายของเพลงนี่สิ... นั่งนึก จนได้ชื่อเพลง "แสงดาว" กะความหมายที่ว่า "แต่งเพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้ติดยาในการเลิกยา โดยแสงดาวหมายถึงผู้ที่ให้กำลังใจในความมืด" ความหมายนี้ช่างสอดคล้องกับชื่อโครงการดีนัก เพราะชื่อโครงการคือ "จุดขาวบนม่านดำ" และที่ท้าทายระทึกที่สุดของที่สุดกว่าคือ วันต่อมาต้องประกวด แต่ตูเพิ่งเริ่มแต่ง ตอนเช้า และแต่งเส็ดตอนเที่ยง ตอนเย็นก็เอาไปร้องเลย ระทึกสุดๆ

13.หลังจากนั้น ได้ชนะเป็นตัวแทนของมอ(คงเพราะคนตัดสินไม่ได้เป็นนักดนตรี เลยไม่รู้ว่าตูเล่นกีตาร์ห่วยเพียงใด) และปรากฏว่า ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 2 ของจากทั้งประเทศ คือคนจากมอชอ 1 คน มอนอ 1 คน ส่วนมออื่นไม่ได้ในประเภทนี้... (แต่คำว่าทั้งประเทศนี่ มีไม่กี่มอหรอก เชื่อเหอะ) แต่พอได้รับเลือกไป ตูทะลึ่งจำเพลงไม่ได้ -"- เพราะ ว่าไม่คิดว่าจะเข้ารอบ แค่ทำๆตามยศและได้ตังค์เท่านั้นเอง(แต่เจ้ายศไม่เข้ารอบ) วันนั้นมั่วสุดๆๆ และมั่วสดๆ และไปมั่วพร้อมกะสองคนคือสาวจากมอชอและสาวจากจุฬา(หยั่งสวยเป็นลูกครึ่ง)ได้ไปแสดงที่ธรรมศาสตร์รังสิต (แต่ตอนนั้น เหมือนออกไปโชว์ละครลิงยังไงไม่รู้)

14.หมดแค่นี้มั้ง สรุปคือ ตูแต่งเพลงเกิน 100เพลง และอาจถึงและเกิน 200 เพลง แต่มีเพลงที่ตูจำได้และคิดว่าน่าจะมีคุณภาพพอที่จะให้ใครฟังได้ มีไม่เกิน 50 เพลง นอกนั้นห่วย และลืมไปแล้ว หลังจากนั้นก็เริ่มแต่งเพลงบรรเลง ที่ไม่ค่อยดีนัก อะไรแบบนี้ และเพลงส่วนใหญ่มักแต่งด้วยความรู้สึกที่มีต่อความรักครั้งแรก และสมัยก่อนจะเห่อมาก เวลาแต่งเพลงจบก็จะเขียนลงท้ายว่า "Composed by BrownBoen" รู้สึกว่าตัวเองเท่ยังไงไม่รู้ ฮ่าๆๆๆ เล่าอดีตมาตั้งยาว แต่อนาคตตูจะได้ไปเกี่ยวกะดนตรีอีกมั้ย ไม่สามารถคาดเดาได้

.....................จบ(ยาวมะ ฮ่าๆๆ ใครจะอ่านวะ).....................

ปล.ถ้าชะตาเป็นใจ อาจมีโอกาสได้ทำเพลงให้ฟังกัน

อัพเดทอีกนิด :
ข้างล่างนี้คือเพลงบรรเลงที่เอาทำนองมาจาก เพลง "หากมีเธอ" ที่ใช้ประกอบละครนิเทศเรื่อง "เงาฝัน" ซึ่งไม่รู้ว่าอาจารย์เต็มทำไม่ทัน หรือสาวนิเทศที่เป็นผู้ประสานงานทำเพลงหายหรือยังไงไม่ทราบก็ตาม ทำให้พวกนิเทศ เอาเพลงที่เป็นแค่เดโมไปประกอบละคร ซึ่งไม่เพราะเลย ถ้าอาจารย์เต็มทำให้คงเพราะกว่านี้ จากอาการที่เคืองมากในตอนนั้น เลยเอามาทำให้เกิดเพลงนี้ขึ้นมา...ถ้าคนมีความรู้เรื่องการทำเพลงจะรู้ว่า วิธีการผลิตเพลงนี้ไม่ค่อยซับซ้อนเท่าไหร่...(ใช้ Sonar 2.0)


(สำหรับใครที่เน็ทช้าเน็ทห่วยก็ไม่ต้องฟัง ขนาดไฟล์นี้ 2.8 Mb)

วันพุธ, ตุลาคม 05, 2548

ตั้งชื่อเพลงให้หน่อย

    ในรอบ 2 ปีมาเนี่ย เพิ่งแต่งเพลงสำเร็จแบบสมบูรณ์ซะที แต่นึกชื่อไม่ออกแฮะ ช่วยตั้งชื่อให้หน่อยได้ป่าวใครตั้งชื่อได้โดนใจจะมีรางวัลให้ ข้างล่างนี่คือเนื้อล่ะ...

--------------------------------------

verse-1
ตะวันของฉันอยู่ไหน ในวันที่ใจสับสน
ในวันที่ฉันต้องเปียกฝน ต้องทนในความอ่อนไหว
ฉันเหน็บหนาวเหลือเกิน แต่ไม่รู้จะเดินไปที่ใด
แม้เหน็บหนาวแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครมารับฟัง

verse-2
ตะวันของฉันอยู่ไหน อาจอยู่ในตัวเธอล่ะมั้ง
แต่เธอกลับเป็นความหวัง ที่ยังห่างฉันแสนไกล
ฉันคิดถึงแค่เธอ แต่ไม่รู้จะเจอได้ไหม
แม้พร่ำเพ้อแค่ไหน แต่กลับไม่มีทางได้ข้างกาย

Hook-1
เหมือนดังฝน ที่ร่วงหล่นโปรยลงสู่พื้นทราย
แต่ไร้ความหมาย กลับซึมหายลงไปอย่างที่เคย
และความรักฉันก็เป็นแบบนั้น แบบที่มันไม่มีค่าเลย
ทุกคำที่ฉันได้เอ่ย เธอคงเฉยๆกับมัน

verse-3
ตะวันจะมีจริงอยู่ไหม อาจอยู่ที่ใจเธอนั้น
แต่คงไม่มีทางที่ฉัน จะมีวันที่เธอสนใจ
ฉันคิดถึงแค่เธอ แต่ไม่รู้จะเจอได้ไหม
แม้พร่ำเพ้อแค่ไหน แต่กลับไม่มีทางได้ข้างกาย

Hook-2
เหมือนดังฝน ที่ร่วงหล่นโปรยลงสู่พื้นทราย
แต่ไร้ความหมาย กลับซึมหายลงไปอย่างที่เคย
และความรักฉันก็เป็นแบบนั้น แบบที่มันไม่มีค่าเลย
ทุกคำที่ฉันได้เอ่ย เธอไม่เคยรับฟัง

------------------------------------

ปล. ช่วยหน่อยเหอะ พี่ ป้า น้า อา ถ้ามันคิดง่ายคงไม่มาถามหรอก

วันอาทิตย์, ตุลาคม 02, 2548

แก๊งค์นีดฟอร์สปีด

เท่าที่สังเกตมา มีพวกแก๊งค์รถยนต์ซิ่งอยู่สองแก๊งค์ ในละแวกนี้
เพราะแถวนี้ไม่ค่อยมีแก๊งค์มอไซด์ป่วนเมือง มีแต่แก๊งค์รถสปอร์ตสุดหรูป่วนตู

แก๊งค์แรก เป็นแก๊งค์ฮุนได แกงค์นี้ มันจะนิยมชมชอบรถสปอร์ตของฮุนได
ซึ่งรถมันก็สวยมาก เคยเห็นมันยกแก๊งค์มากินร้านหมูกะทะ และพากันถ่ายรูปคู่กะรถกัน

แก๊งค์ที่สอง ตูเรียกว่า แก๊งค์ Need for Speed
เพราะ มันแต่งรถกัน เกือบจะคล้ายๆในเกม Need for Speed Underground
ซึ่งมันจะแต่งรถคล้ายๆในเกม แต่ไม่สวยเท่าในเกม...

และแล้ว ...

เมื่อตอน ประมาณ 4-5 ทุ่ม ตูไปหาอะไรที่เซเว่นกิน
พอดีดันไปจ๊ะเอ๋ กะพวกแก๊งค์นีดฟอร์สปีดเข้าให้
เพราะมันกินเหล้าที่ข้างถนนกันยกแก๊ง มีรถสปอร์ตจอดอยู่เป็น 10 คันที่ข้างถนน
พวกนี้มันตั้งวงกินเหล้ากันเต็มฟุตบาท ตูเหวอเลย เพราะไม่มีทางเดิน
ตูต้องฝ่าวงเหล้ามันไป คิดดูดิ มันมีสองโต๊ะยาว ที่ตูต้องผ่าตรงกลางพวกมันไป
ตูรู้สึกเหวอๆ เพราะคนเมามันจะทำอะไรตูก็ได้ เพราะตูไปฝ่าวงเหล้ามัน...
แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตูคงกลัวไปเอง... แต่ถ้ามันเกิดขึ้น ตูคงไม่มีแรงจะสู้เพราะ
ยังพิการไม่หายเนื่องจากโดนรถชน

............

หลังจากกลับมา ตูเล่นเน็ท แล้วก็นินทามันไปพลาง นินทาไปเรื่อยๆ...
นินทากับไอ้บลิว เพราะหลังจากมันกินเหล้าเสร็จ
มันก็ซิ่ง และกลับรถไป กลับรถมา ผ่านหน้าซอยหอตูอยู่ 4-5 รอบแล้ว(หอตูอยู่ใกล้ถนน)

ขณะที่รายงานสถานการณ์สดกับไอ้บลิวเป็นระยะๆนั่นเอง
มี เสียง....เอี๊ยด!!.......... โครม!!
รถมันชนกะอะไรไม่รู้ แต่ตูชะเง้อไปหลังระเบียง และเห็นมันชนกันที่หลังหอเต็มตา
ก็มีกลุ่มคนมามุง และคาดว่าคงเป็นเพื่อนร่วมแก๊งมามุง และพวกรถแท็กซี่แถวนั้นก็จอดดูกัน
ไม่รู้มันชนกับอะไร แต่ หลังจากนั้น ก็มีเสียงรถหวอ แล้วตูก็เลิกชะแง๊แลเหลียว
แล้วมาอัพบล็อก นินทาพวกแก๊งค์นีดเนี่ยแหละ

...........

ปล.เสียงดังของรถมัน ไม่แพ้กับพวกมอไซด์ซิ่งเลย เพียงแต่ดูมีระดับกว่าวัยรุ่นมอไซด์ซิ่ง
ปล2.เคยพูดถึงแก๊งค์นี้ ในบล็อกของปั้นเหน่ง ที่ชื่อว่า "หลงประเด็น" รึไงเนี่ยแหละมั้ง