เมื่อวานขณะที่ตูนั่งในกลุ่มเพื่อน 4-5 คน บนม้าหินอ่อน เพื่อพักผ่อนรอเวลาเรียน
ในท่ามกลางทัศนวิสัยอันดูวุ่นวายวกวน ของกลุ่มคนที่เดินผ่านไป
ในที่นั้นก็ยังมีทัศนคติที่ว้าวุ่นสับสน ของกลุ่มคนที่นั่งจดจ่ออย่างตั้งใจ
ระบบกลไกลนำร่องอัติโนมัติของกมลสันดานของชายชาตินักหลี
ได้เริ่มสั่งการเซนเซอร์ตรวจจับกระแสความเซ็กซี่อีกครั้ง
อวัยวะอันเป็นหน้าต่างของจิตใจทุกคู่ล้วนเพ่งเล็ง ทำท่าเขม็งไปที่สาวๆ
แล้วประมวลผลความคิดอันโฉ่ฉาวออกมาเป็นเสียงซุบซิบวิพากย์วิจารณ์ไปต่างๆนานา
สาวบางคนคงอายแล้วรีบหนีหน้า แต่พวกตูสรวลเสเฮฮาและร่าเริง...
เข้าเรื่องดีกว่า...
จู่ๆก็มีพี่เก่ง ที่เป็นคนไม่เบ่งแม้จะเป็นตำรวจ ก็เดินสำรวจเข้ามาร่วมวงด้วย
โอ้... ไม่นะพระเจ้าช่วย นำปัญหาที่(พี่เก่ง)คิดว่าไม่กล้วยมาทาย...
.................................
คือ...คำถามมีอยู่ประมาณว่า...
มีคนอยู่ 4 คน คือ นาย ก,นาย ข,นาย ค และ นาย ง
วันหนึ่งนาย ก ข และ ค อยากจะร่วมหุ้นซื้อส้ม 1 โล ซึ่งราคาโลละ 30 บาท
จึงวานให้นาย ง ไปซื้อมาให้ โดยออกทุนกันคนละ 10 บาท 3 คนก็เป็น 30 บาท
เผอิญนาย ง ซี้กะแม่ค้า เลยซื้อมาได้ในราคาแค่ 25 บาทเท่านั้น
และนาย ง ก็ แอบจิ๊กเงิน 2 บาท จากเงินที่เหลือมา แล้วคืน เงินให้ กับ ก ข และ ค
คนละบาท
ถ้ากลับไปคิดใหม่ว่า... ทั้ง ก ข และ ค ตอนแรก จ่ายไป 10 บาท
แต่ได้กลับคืนมาคนละบาท ก็จะคิดได้ว่า 3 คนนี้ เสียเงินไป 9 บาท
ถ้าเอามาคูณ 3 ก็จะเป็นเงินรวมทั้งสามคนได้ 27 บาท
และรวมกับที่นาย ง มันจิ๊กไป 2 บาท
รวมแล้วก็เป็น 29 บาท
แต่ตอนแรก มีเงินรวมทั้งหมด 30 บาท
ถามว่า เงินหายไปไหน 1 บาท?
.......................................
ตูคิดออก จึงบอกว่าคิดได้แล้ว (แน่นอน หลายคนที่มาอ่าน ก็คงคิดได้แล้ว)
พี่เก่งบอกให้อุบเอาไว้ก่อน ตูก็ร๊อรอ ไม่มีคนตอบได้ซะที
ตูเลยเฉลยให้พี่เก่ง ถึงความเป็นไปของโจทย์ข้อนี้
แต่ด้วยความที่ตูคงเป็นคนที่สื่อความหมายให้ใครเข้าใจยาก
พี่เก่งจึงไม่เข้าใจ และเฉลยมาอย่างไม่ถูกต้องนัก ว่าตังค์ 1 บาท นั้นอยู่ที่แม่ค้า...
แต่พูดไปพูดมาก็บอกว่าว่าจริงๆแล้ว ทั้งสามคน ออกเงินคนละ 8.33... บาท
ซึ่ง เห็นได้ชัดว่า คนทายนั้นไม่เข้าใจ....
ตูเสียอารมณ์อย่างแรง ที่คนทายก็ไม่เข้าใจในปัญหา ดันเอาถามอีก
แหงะไปมองเพื่อนๆ ที่นั่งด้วยทั้งหมด ก็ยังไม่มีใครเข้าใจ...
ตูจึงตัดสินใจ ที่จะอธิบายให้กับทุกคนฟัง
ในขณะที่ตูพยายามอธิบายอยู่นั้น ก็มีสาวแม่เจ้าว้อยสุดเลิศลอยเดินผ่าน
เหมือนชะตาเป็นใจจะต้องการ ให้พวกเราได้บริหารสายตาอีกครั้งนึง
แล้วทั้งหมดทั้งปวงแห่งมวลมนุษย์ที่นั่งอยู่ในวงม้าหินอ่อนนี้(ไม่เว้นแม้กระทั่งตู)
ก็หยุดความสนใจในคำอธิบายของตู....
หันมาจูฮุกกรูกะสาวแม่เจ้าว้อยอนงค์นางนี้แทน...
.......
อยากบอกว่าเคืองมาก ตูตัดใจและปลง
ให้คนเหล่านั้นมันเง็งมันงง ฝังลงในหัวอย่างงั้น
ดั่งเม็ดกรวดที่ฝังอยู่ในม้าหินอ่อนแห่งนั้นนั่นแหละ
หลังจากนั้น พักนึง พวกก็กลับมางง กับคำถามพิศวงนี้กันอีก
ตูไม่เอาล่ะขอหลีก และขอปลีกไม่ชี้แจงอะไรอีกแล้ว
เคือง....................
ปล. วันนี้สำนวนดูลิเกไงไม่รู้แฮะ...ถ้าใครคิดไม่ออก ก็เอ็มเอสเอ็นมาฟังเฉลยละกัน