วันอาทิตย์, สิงหาคม 28, 2548

สงครามบนฟากฟ้า

    ตอนเด็กๆ สมัยเครื่องซูเปอร์แฟมิคอมกะลังฮิต ยังไม่มีเครื่องเพลย์ ตูไปเล่นเกมวินนิ่ง(สมัยนั้นก็มีวินนิ่งด้วยนะเออ)ที่ร้านเกม ที่บ้านไม่มีเลยไปเล่นร้านน่ะนะ เหลือบไปเห็นเพื่อน คนนึงที่ท่าทางหยิ่งมาก(หลังจากนั้นสักปีสองปี กลับกลายเป็นเพื่อนซี้ในระดับหนึ่ง มันขายเครื่องเกมส์ต่อให้ด้วยล่ะ) ตอนนั้นอยู่คนละห้องกัน นั่งเล่นเกมเครื่องบินอยู่ หน้าจอของผู้เล่นเป็นสภาพเดียวกับกะลังขับอยู่ จึงมีความรู้สึกว่าอยากเล่นมาก แต่ไม่กล้าแสดงออก จึงแอบเล่นเวลาที่เพื่อนคนนี้ไม่อยู่ เกมนี้ชื่อว่า Super Air Driver 2 รู้สึกติดใจเป็นอย่างมาก แต่ต่อมาไม่ทันไร ก็หาเกมนี้เล่นไม่ได้อีกเลย
    พอโตมาเป็นหนุ่ม ไปเจอเกม Ace Combat 2 โอ้... เกมส์นี้ เร้าใจสุดๆ บังคับง่าย มีระบบรักษาระดับการบินอัติโนมัติ แม้ไม่ค่อยเหมือนจริง แต่ก็เร้าใจสุดๆ ไม่งง และมันส์อีกต่างหาก เล่นแบบยากสุดจนชนะภาระกิจสุดท้ายด้วย เร้าใจสุดๆๆ (ส่วนภาคต่อจากนี้ไม่มีโอกาสได้เล่น เคยเล่นภาค 3 และคิดว่าไม่มันส์เท่าภาค 2 แต่ภาค 4 ไม่เคยแตะเลยสักนิด)หลังจากนั้นก็เห็นเกมคอมที่ออกมาเยอะเหมือนกัน แต่ไม่มีโอกาสได้เล่นซะที
    หลังจากนั้น จึงคลั่งไคล้ อะไรที่เป็นเครื่องบิน(คลั้งไคล้ แต่ไม่ไขว่คว้า) ไม่ว่าหนังหรือเกม ซึ่งจะสังเกตได้ว่า ไม่ว่าหนังหรือเกมที่เกี่ยวกับสงครามเครื่องบิน มันจะต้องมีฉาก บินอยู่ในหุบเขาหรือแกรนด์แคนย่อนทั้งกะปี เคยฝันอยากเป็นนักบินด้วยนะเออ
แต่...ไม่ว่าตูจะคลั่งไคล้ขนาดไหน ตูก็ไม่ได้ศึกษาเรื่องการบินอย่างจริงจัง ผิดกะพี่ชายตู ที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่า พี่ชายตูจะชอบเครื่องบินรบเหมือนกัน พี่ชายตูรู้ทฤษฎีเกี่ยวกับการบินมากพอสมควร และยิ่งกว่านั้น ตูเล่นเกมเครื่องบิน Mig-29 รึ Mig-32 อะไรนี่แหละไม่แน่ใจ ดวลกะพี่ชาย ตูพ่ายแพ้ย่อยยับ สรุปคือ มันส์.....

    และที่เกริ่นมาทั้งหมด ก็คงหนีไม่พ้น หนังเรื่อง Stealth ที่เกริ่นมาซะยืดยาวก็เพราะเป็นสาเหตุให้ตูไปดูหนังเรื่องนี้ อยากให้ใครก็ได้ถ้ามีเวลาไปดู สนุกมากๆๆ ขอบอกสนุกๆ ลำดับเรื่องนี่ลงตัว ไม่มีตอนไหนเบื่อเลย มีถ่ายทำในประเทศไทยด้วย ให้อะไรหลายๆอย่างเช่น ความไฮเทค ความมันส์ ความตื่นเต้น ปรัชญาแง่คิด ความรัก มิตรภาพ ความมีน้ำใจลูกผู้ชาย ความเศร้า และคุณธรรม ครบรส และลำดับเรื่องที่ไม่มีตอนที่น่าเบื่อเลยซักตอนเดียว เนื้อเรื่องเข้าใจง่าย แม้อาจจะดูเวอร์ แต่ถ้าแกล้งลองมองข้ามความเวอร์ไป มันก็จะสนุกไม่เบา อิอิ เหมือนตูเชียร์น่าดู ฮ่าๆๆๆๆ ไงๆ ก็อยากให้ดู...

ปล.กฏของบล็อกนี้ คือห้ามทำให้คนที่ยังไม่ได้ดู รู้เนื้อเรื่องเด็ดขาด เพราะจะทำให้คนที่ยังไม่ได้ดู จะดูแล้วไม่สนุก(เพราะรู้เรื่องมาแล้ว)

วันเสาร์, สิงหาคม 20, 2548

ไทม์แมชชีน

ไม่รู้จะอธิบายยังไง รึอธิบายไม่ได้...
วันนี้(และเมื่อวาน)...
เหมือนตูได้ย้อนเวลากลับไปยังปี 2003
แต่เป็นปี 2003 อีกโลกนึง
ที่อยู่ในโลกที่ตูยังไม่เคยเห็น
ยังไม่เคยรู้จัก...
เหมือนตูได้กลับไปเดินตามเงาของใครคนนึง
เหมือนกลับไปเป็นผู้เฝ้าดูอยู่ห่างๆ

รู้สึกเหมือน แอบรักใคร
แต่แอบรักอยู่ห่างๆ(กึ๋ยๆ)
เข้าไปใกล้ไม่ได้
และเค้าไม่รู้ว่าเรามีตัวตนอยู่ในขณะนั้น
หรือเค้าไม่รู้ว่าอนาคตเราจะได้มาเห็นเค้าในตอนนั้น

แอบเป็นห่วงเวลาเค้ามีความทุกข์หรือไม่สบาย
แอบอมยิ้มเวลาเค้ามีความสุข
ใกล้เคียงกับความรู้สึก เวลาดูหนัง

อินไปแล้ว.. นั่นไม่ใช่โลกจริงของปัจจุบัน
แต่ก็อินแหละ ถ้าไม่อินคงไม่เอามาลงบล็อกหรอก


ในปี 2003 ที่ตูอยู่ในโลกของตูโลกหนึ่งในขณะนั้น
เป็นยังไงหนอ...
อ๋อ จำได้ล่ะ ในปีนั้นเราเหมือนอยู่ในความมืด
ไม่ไปเรียน เล่นเกมส์ออนไลน์ ช่วงเวลาที่รันทด
ไม่มีเพื่อน เล่นเน็ทอย่างบ้าคลั่ง นอนเกินวันละ 10 ชั่วโมง

วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 11, 2548

เกี่ยวกับแม่

     เมื่อเดือน มิถุนายน แม่กลับมาเมืองไทยไปอยู่บ้านพี่ๆ ตูก็ไปนอนที่นั่นสองคืน ดูเหมือนแม่จะเจ้ากี้เจ้าการเรื่องแมวที่พี่เลี้ยงไว้ จากแมวที่เคยเข้าไปนอนให้ห้องกับพี่เป็นประจำ ต้องถูกไล่ออกให้ไปนอนนอกห้อง และบ่นหลายๆอย่างเกี่ยวกับเรื่องแมว ประมาณว่า ไม่ให้เอามาเลี้ยงอีก เพราะยังไม่พร้อม.....
     แต่ตูว่าตูเข้าใจเป็นอย่างดี กับสิ่งที่แม่บ่น เพราะตูก็อยู่กับสัตว์มาตั้งแต่เกิดเหมือนกัน ตูเคยอยู่กับแมว อยู่กับหมามาตั้งแต่เด็ก ถึงขั้นที่มีหมาอยู่ตัวนึงชื่อไอ้ด่าง(ชื่อโหลชิบ) มันไม่ให้ใครจับเลย นอกจากตูคนเดียวเท่านั้น แม้กระทั่งคนเอาข้าวให้กินมันยังไม่ให้จับเลย รู้สึกภูมิใจเล็กๆอยู่เหมือนกัน อีกรายเป็นแมว ชื่อสีนิล มันมาคลอดลูกในผ้าห่มตอนตูหลับอยู่ แม่ง ต้องนอนเกร็ง กลัวทับลูกมันตาย และยังมีหมาหลายตัวที่พี่ๆซื้อหรือเอามาเลี้ยงแต่ไม่มีปัญญาเลี้ยงเพราะย้ายไปอยู่ที่อื่น ตูก็ต้องนั่งดูหมาที่อาการซึมเศร้าเพราะคนที่เคยเลี้ยงมันทอดทิ้งมันไป มีตัวนึงชื่อไอ้จอห์น มันเซื่องซึมเพราะเจ้าของมันต้องไปเรียนที่เชียงใหม่ไม่กลับมาหามันซะที จนถึงขั้นมันตรอมใจตาย ถ้าใครมาอ่าน อยากให้พึงระลึกว่าหมากับแมวมีชีวิตจิตใจและอาจรักเรามากกว่าที่เรารักมันซะอีก

     แม่ก็เหมือนกันแม่เคยเล่าว่า แม่เคยเลี้ยงแมว ที่มันชอบแอบวิ่งตามแม่ไปที่ทำงาน แม่เป็นหมออนามัย ต้องขี่จักรยานไปทำงานจำไม่ได้ว่าแม่เล่าว่ากี่โล แต่ไกลโขพอดูทีเดียว โศกนาฏกรรมของแมวตัวนี้คือ มันชอบพันแข้งพันขาจนตารำคาญเอาประตูกระแทกตายโดยไม่ได้ตั้งใจ

     นอกจากนั้นแม่เคยเลี้ยงกระแต เนื่องจากแม่เป็นหมออนามัย และหมออนามัยสมัยนั้นเป็นที่รักนับถือจากชาวบ้านว่างั้นเหอะ ชาวบ้านจับกระแตได้มาจากป่า(ไม่ควรทำเป็นเยี่ยงอย่าง) แล้วเอามาให้แม่เลี้ยง แม่เลี้ยงจนมันเชื่องและเลี้ยงแบบปล่อยให้มันไปไหนต่อไหนได้ แม่บอกว่า ตอนกลางคืน มันจะมาเล่นผมแม่ ถึงเวลากินข้าว แม่จะเรียกมันว่า "แต...แต" มันก็จะวิ่งมากินข้าว
     มีอยู่วันนึงแม่เรียกมันกินข้าวเหมือนเดิม แต่มันไม่กลับมา มันหายไปนานมาก สักพักนึงแม่ก็เห็นมันคลานมา ในสภาพที่ดูไม่ได้ มันคลานมาด้วยขาหน้า พอมันคลานมาถึงแม่ แล้วแม่อุ้มมัน มันก็สิ้นใจตายในอุ้งมือของแม่ (แน่นอนแม่ต้องร้องไห้ ตูได้ฟังที่แม่เล่า ตูก็เศร้า) แม่เล่าว่าที่มันตายเพราะโดนหมาละแวกนั้นกัด

     ช่วง ปอ.5 พ่อป่วยเป็นโรคมะเร็ง แต่แม่ปิดบังลูกๆมาตลอด และโกหกว่า พ่อเป็นโรคโพรงจมูกอักเสบ หลังจากนั้นพ่อก็ตาย และอยู่ในช่วงที่กู้เงินสร้างบ้านและสร้างเสร็จพอดี แม่ต้องรับภาระเลี้ยงลูก 3 คน พร้อมด้วยจ่ายหนี้ค่าบ้าน ด้วยตัวคนเดียวมาตลอด ยอมรับว่าแม่เก่ง แต่ตูนี่แย่ ตูเป็นลูกคนเดียวที่เรียนไม่ยอมจบซะที ทำอะไรเหลวไหล ตูนี่แย่มาก แต่ตูอยากอธิบายว่าตูเคยใช้ชีวิตที่สุขสบายมาก่อน บางทีมันก็ปรับตัวยาก บางทีก็สับสนในชีวิต บางทีมันก็ผิดหวัง เพราะมันสับสนก็เลยทำตัวเหลวไหลลงไป แต่ตอนนี้จะเรียนให้จบให้ได้ เรียนครั้งใหม่นี้ ถ้าเป็นไปได้จะเอาเกียรตินิยมไปฝากแม่ ขอสัญญาว่าจะเรียนที่นี่ให้จบ(แต่ไม่สัญญาว่าจะได้เกียรตินิยมนะ)และในขณะที่เรียน ตูก็จะทำงานให้รวยๆให้ได้ ไม่ว่าใครจะว่าการทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยนั้นยาก ตูว่าตอนนี้ตูทำได้ ยังเอาอยู่ๆ...

     ประมาณ 7-8 ปีได้แล้วมั้ง ที่แม่ไปอยู่ฮ่องกง เคยอายเหมือนกันที่จะบอกใครว่าแม่ทำอะไร แต่ตอนนี้ไม่อายละ และภูมิใจที่จะเล่าแม่ทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาล คือเป็นคนดูแลคนไข้ คอยบำบัดและฉีดยาดูแลอาการให้คนไข้ที่เป็นคนแก่ และไม่อยากอยู่โรงพยาบาล ซึ่งลูกๆที่ทำงานไม่มีเวลาดูแลพ่อแม่อะไรแบบนี้เป็นคนจ้างมา คงเพราะจ้างคนไทยนั้นถูกกว่าคนฮ่องกงล่ะมั้ง เหมือนกับคนไทยที่จ้างคนลาวคนพม่าไปเป็นคนใช้นั่นแหละ แต่อย่างว่า ทำงานเมืองนอก ค่าครองชีพสูงเลยได้เงินเดือนเยอะพอดู
     มีคนไข้รายนึงแม่เล่าให้ฟังเพราะแม่เครียดมั้งเลยโทรมาเล่า รายนี้เป็นแม่ของคนที่จ้างมา ลูกชายเค้าทำงานไม่ค่อยมีเวลาใส่ใจแม่เท่าไหร่ แม่ก็ดูแลเค้ามาเป็นปี วันนึงคนไข้อาการโคม่าแล้ว แม่(ของตู)โทรไปหาลูกชายเค้าบอกว่าให้รีบมาโรงพยาบาลด่วน แต่เค้าก็ไม่มาเค้าบอกว่าติดธุระ แม่อยู่เฝ้าดูอาการตลอดจนกระทั่งเค้าสิ้นใจ แม่โทรมาเล่าบอกว่าแม่ร้องไห้ทั้งคืน ตูได้ฟังแล้วตูก็เศร้า แต่คิดว่าแม่ต้องเศร้ามากกว่าหลายร้อยเท่า แม่บอกว่าทำให้นึกถึงพ่อ เพราะตอนพ่อตาย แม่จับมือพ่อจนวินาทีสุดท้ายเหมือนกัน ตอนพ่อตายน้ำตาพ่อไหลออกมาก่อนสิ้นใจ ไม่อยากคิดว่าถ้าเกิดขึ้นกับตัวเองจะเจ็บปวดแค่ไหน

     ในอนาคต ถ้าตูได้ตายในแบบที่พ่อตายหรือแบบกระแตของแม่ ซึ่งตายในอ้อมแขนของคนที่เรารักมันคงดีไม่น้อย ชีวิตนี้คงใช้ชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แล้วล่ะจะได้ไม่ตายอย่างเดียวดาย แต่ถ้าเราตายก่อนคนที่เรารัก ก็จะหมายถึงคนที่เรารักต้องอยู่อย่างเดียวดายเหมือนกัน เอาเป็นว่าขอเป็นคนตายหลังสุดละกัน จะได้ไม่ต้องห่วงคนที่อยู่ข้างหลัง จะได้ไม่กลายเป็นวิญญาณที่ห่วงคนข้างหลัง เอ๊ะ แล้วคิดไปถึงนั่นทำไม เราจะมีโอกาสแบบนั้นหรือเปล่าไม่รู้....

     สรุป...เวลาเลี้ยงสัตว์ ควรจะเลี้ยงเมื่อมีบ้านที่เป็นบ้านเดี่ยว ไม่ใช่ทาวน์เฮาส์หรือคอนโด และไม่ควรทิ้งให้มันอยู่เหงาๆตามลำพัง แต่ถามว่าเราควรเลี้ยงไหม ตูขอบอกว่า ถ้าเรามีบ้าน มีครอบครัว มีเวลา หรือมีลูก เราควรเลี้ยงมัน อย่างน้อยถ้าเรามีลูก ก็จะทำให้ลูกได้เข้าใจถึงความรัก เข้าใจถึงชีวิต เข้าใจถึงความอบอุ่นของการใช้ชีวิต เข้าใจถึงการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน เข้าใจถึงความเมตตา และรักโลกใบนี้มากขึ้น แล้วไม่เป็นคนเห็นแก่ตัว (รู้สึกว่าสรุปคนละเรื่องกับเรื่องที่เล่านะ...)

ปล. วันนี้ดูต้มยำกุ้งมา ขอวิจารณ์ว่าโดยรวมแล้วดี ในโดยรวมนะ อย่าเอาส่วนน้อยมาคิดมาก เช่น การมี 3D อนิเมชั่นเห่ยๆเข้ามาแจม ...(ที่ว่าเค้าเห่ยนี่ทำไม่เป็นหรอกนะ แต่หนังไทยเกือบเทียบเท่าเมืองนอกได้แล้ว แต่อนิเมชั่นของไทยยังสู้เค้าไม่ไหวนะ อายเค้าเปล่าๆ)

วันพุธ, สิงหาคม 10, 2548

เรดติ้งตก

ฮ่าๆๆ...
ความเดิมจากตอนไหนไม่รู้ ตูดันไปทำเด่น ทำให้ตูดูเด่นในสายตาพรรคพวก
แต่ตอนนี้ลดเรดติ้งของตัวเองได้แล้ว ด้วยการไม่ทำคะแนนท็อป มีคนได้คะแนนมากกว่าตู 2 คน
เพราะฉะนั้น พวกเอ็งๆ จงหันไปสนใจ 2 คนนั้นเถิดจะเกิดผล

เมื่อวานเพิ่งได้ดูมิวสิกวิดีโอ เรื่องบนเตียง ของพีชเมคเกอร์(ตกยุคไปป่าววะตู)
โคตรจะทำร้ายจิตใจ เลวมากๆๆ
รถแค่ชนขาเบาๆ แม่งเลือดทะลักออกปากตายห่าเฉยเลย เลวจริงๆ...
มิวสิกนี้เป็นอุทาหรณ์ที่ดี อะไรๆมันไม่แน่นอนจริงๆ

วันเสาร์, สิงหาคม 06, 2548

เสน่ห์ปลายจวัก

แม้ว่าผู้ชายหลายคนจะชอบผู้หญิงที่การทำกับข้าวเก่งก็จริง
แต่เชื่อไหม ว่าผู้ชายทำกับข้าวได้อร่อยกว่าผู้หญิง...
เพราะตั้งแต่ตูเกิดมา พ่อตูทำกับข้าวอร่อยกว่าแม่
แล้วพ่อกับแม่เพื่อน เปิดร้านราดหน้า พ่อมีหน้าที่ปรุง แม่มีหน้าที่เสริฟกับคิดตังค์
เคยกินกับร้านลุงป้า มา 2 ร้าน(คือ มี 2 คู่ 2 ร้าน)
เวลากินกับข้าวที่ลุงทำ จะอร่อยกว่าที่ป้าทำ ทั้ง 2 ร้านเลย
หรือไม่งั้น ร้านที่ไม่มีลุง(หรือน้า หรือพี่ที่เป็นผู้ชายก็แล้วแต่)
เป็นร้านที่ผู้หญิงทำ ถ้าทำอร่อย
จะอร่อยแบบไม่คงเส้นคงวา (และมักจะอร่อยแค่ครั้งแรกครั้งเดียว
พอกินครั้งต่อๆไป แม่ง รสชาติเริ่มเพี้ยน)

สาเหตุที่มาเขียนบล็อกนี้ เพราะว่าดีใจ ที่วันนี้ลุงมาทำกับข้าว
ร้านนี้จริงๆแล้วขายข้าวหมูแดง แต่สั่งอาหารตามสั่งได้
ทุกวันเวลามากิน ส่วนใหญ่ป้าจะอยู่แต่ลุงไม่อยู่
แต่ถ้าป้าไม่อยู่ ปู่ไปเที่ยว หน่อยนอยน๊อยๆนอยๆๆๆ(ไม่เกี่ยวๆๆ โทษๆๆ)
เวลาป้าอยู่ตูไม่ค่อยอยากจะสั่งอาหารตามสั่ง เลยกินแต่ข้าวหมูแดง
ถ้าวันไหนลุงอยู่นี่ ตูจะสั่งผัดอะไรสักอย่างแบบเริ่ดๆ แบบว่า นานๆได้กินของดีสักที

สรุปว่า แม้ผู้หญิงจะเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางทางสังคมในเรื่องทำกับข้าว
แต่ผู้ชายนั้นมีสเน่ห์ปลายจวักมากกว่าผู้หญิงเป็นไหนๆ

ปล.แม้ว่าตูจะชอบคนทำกับข้าวอร่อย แต่ตูก็จะไม่ไปจีบผู้ชายหรือเกย์กระเทยเด็ดขาด

วันพุธ, สิงหาคม 03, 2548

ทั่นลอร์ดทรฮึด

ช่วงนี้งานประจำดูหนัก
เครียดงานพอสมควร
เครียดที่ว่าตูโดนกดดันให้เร่งทำงาน
แต่แม่ง คนกดดันเค้าดันมาผลาญเวลาทำงานตูออกไปทุกที
ให้ตูทำงานอื่นแทรกเข้ามา แล้วมาว่าตูทำงานช้า

ตอนนี้บริษัทตูเริ่มระส่ำระสาย(มีกัน 3 คน)
คิดว่าเจ้านายไม่มีเงินหมุนพอที่จะมารองรับการจ่ายเงินเดือน
เงินเดือนตอนนี้เค้ายังไม่ได้จ่ายเลย แบบว่าคงจนแหละ
เจ้านายเลยคิดที่จะจ่ายเงินแบบใหม่ แบบเป็นก้อนต่อโปรเจ็ค
จะได้เมคชัวร์ว่าเจ้านายจะไม่ขาดทุน ถ้าไม่มีโปรเจ็คเข้ามา
ตอนนี้เปลี่ยนสถานะลูกจ้างมาเป็น Partner
แต่ต้องมานั่งทำงานอย่างลูกจ้างทุกๆวันเหมือนเดิม
เหมือนจะถูกริดรอนความมั่นคงทางเงินเดือนออกไป
แต่โอกาสรวยก็มีอยู่เพราะเงินก้อนโตนั่นเอง
แต่มันก็ต้องทำงานหนักขึ้น และเสี่ยงขึ้น
ตอนนี้ก็ดูๆอยู่ว่าจะลาออกดีมั้ย
ถ้าลาออกไป ชีวิตจะเป็นยังไง อันนี้ต้องคิดหนัก
แต่ชักเบลอ ไม่อยากคิดแฮะ
ขอทำงานที่มีอยู่นี้ไปก่อนล่ะกัน

งานฟรีแลนซ์ก็เข้ามาให้ทำ ถ้าทำสำเร็จจะได้หายจน
แต่ไม่รู้เค้าจะหลอกหรือเปล่า คิดว่าไม่น่านะ
แต่ก็เคยคิดเหมือนกัน แต่ก็ทำๆไปเหอะ เผื่อเค้าไม่หลอก
แต่เหนื่อย งานเยอะ แต่อยู่ได้ ทนได้ จะไม่เครียด
แม้ที่ผ่านมาเคยล้มเหลวเรื่องงานฟรีแลนซ์
เพราะห่อเหี่ยวกับปัญหาสุขภาพและปัญหาหัวใจ

แต่ตอนนี้ชักปลงเรื่องความรักแล้วล่ะ
บางทีการมีความรัก มันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนกัน
ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน ไม่ต้องแต่ง งง แต่ง งาน อึ๊บๆ มีลูกก็ได้
ไม่จำเป็นต้องให้เค้ามาสนใจใยดีเรา
แม้เราจะอยากได้สิ่งเหล่านี้ก็จริง แต่ถ้ามันไม่มีสิ่งเหล่านี้ให้เรา
อย่างน้อยเราก็จะยังต่อสู้ต่อไปเพื่อจะมีชีวิตอยู่ให้นานที่สุด
อย่างน้อย ก็จะได้อยู่ อยู่อย่างอิ่มเอมใจว่า เรายังอยู่ร่วมโลกใบนี้กับคนที่เราฝันถึง
นั่นแหละนะ คือสิ่งที่ทำให้เรายังอยู่ต่อไป
แต่ก็มีอีกข้อที่ไม่ลืม คือ ความใฝ่ฝันที่อยากจะทำอะไรๆในตอนเด็ก
นั่นแหละนะ แค่อีกอย่างนึงที่ทำให้เราสู้

เอาล่ะวะ คำว่า อวิรุทธ์(ชื่อตู)แปลว่าไม่มีความขัดข้องอุปสรรค
แม้โชคชะตาทำให้ตูดูผิดสโกน ตูก็จะสู้โว้ย และจะแย่งชิงสโกลแกนกลับคืนมา

บางคนอาจทุเรศลูกตาแล้วคงคิดว่า เอ๊ะนี้เอ็งจะไม่อยู่เพื่อตัวเองเลยรึไง
เจ้านายเคยดูถูกว่าพวกมนุษย์เงินเดือน ประมาณว่าไม่คิดจะก้าวหน้า
ไม่พัฒนาหาเงิน วันๆนั่งทำงานตอนเย็นก็เลิก
แต่ตูค้านว่ะ จริงๆ ตูอยากเป็นมนุษย์เงินเดือน ไม่อยากเป็นมนุษย์ทำเงิน
ตูไม่อยากหาเงินมามากกว่านี้ ไม่อยากเป็นอภิมหาเศรษฐี
ไม่อยากจะดิ้นรนเพื่อหาตังค์มามากๆ ยิ่งขึ้น
ตูแค่อยากมีเงินเดือนเพียงพอที่จะอยู่โดยไม่ต้องคิดมากเรื่องเงินเดือน
เอาหัวสมองมาคิดทำอะไรที่ฝันไว้ไม่ดีกว่าหรอ
เพราะสิ่งที่ตูฝันไว้ นั่นไม่ใช้เงิน ไม่ใช่เฟอร์นิเจอร์
แฟชั่นที่คนเค้าอยากได้เงินเพื่อที่จะมีมัน

เชื่อว่าคนทุกคนก็อยู่เพื่อตัวเองกันทั้งนั้น คำว่าเพื่อตัวเอง ก็คือ ความมุ่งหวังของตัวเอง และความมุ่งหวังของแต่ละคน มันต่างกัน

ตอนนี้เริ่มเรียนไปด้วย คนทั้งห้อง แม่งให้ฉายาว่า ท่านอาจารย์
เพราะตูดันทำข้อสอบที่เค้าว่ายากได้ฉลุย
ก็เพราะตูเรียนมาแล้วตั้งหลายรอบนี่หว่า
วันนี้นั่งสอบ เพื่อนๆถึงขั้นมากระชากแขนแย่งกันไปนั่งใกล้ๆ
แถมทำข้อสอบเส็ด มีคนที่มันได้ลอกจากคนที่ลอกตูไปอีกทอดนึง
เดินมาทำท่าคารวะอีก โอย
ตูอยากเป็นคนธรรมดา ไม่อยากเด่นโว้ย เดินไปไหนก็มีแต่คนมอง
อยากเป็นเด็กที่นั่งหลังห้อง ไม่เป็นจุดสนใจแบบตอนเรียนมัธยมโว้ย
แม่งจะว่าไปแล้ว ตอนเรียนมัธยมก็เคยพลาด ทำตัวเด่นเหมือนกันแหละ
เวลาอยู่กับเพื่อนเด็กเรียนก็กลายเป็นคนเซอร์ๆอาร์ตๆอันดับต้นๆของห้อง
เวลาไปอยู่กับเพื่อนกลุ่มอื่น ก็ดันถูกมองเป็นเด็กเอ๋อเด็กเรียนซะนี่
นี่ตูจะทำตัวกลมกลืนกะใครไม่ได้เลยเรอะ ชีวิตนี้...

ปล.ทั่นลอร์ดทรฮึดเป็นตัวการ์ตูนตัวนึงในเรื่องลักกี้แมน ชื่อมันเท่ดี