วันอาทิตย์, กรกฎาคม 17, 2548

เซนส์และหลักการ

    เอ่อ ตูยอมรับ ว่า ตูไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองในเรื่องความคิดมากนักเมื่ออยู่ร่วมในสังคมกับผู้อื่น
แต่มันก็มีเหตุผล...

    ไม่นานมานี้ ในออฟฟิศอันไกลโพ้น(จากเมือง)....

    มีโปรเจ็คเล็กๆ ผ่านเข้ามา แค่ทำเว็บ ให้กับบริษัทนึงที่ตั้งใหม่ที่เค้ารู้จักกับเจ้านาย
ประมาณว่า เจ้านายคาดหวังกับตู เรื่องการออกแบบมาก...

    ในขณะที่ตู กะลังเริ่ม และเอาภาพมาใส่แค่ภาพเดียวเพื่อเป็นหน้าเมนู
และลองผิดลองถูก ทำโลโก้ขึ้นมา
ตูยอมรับว่าไอเดียตูในตอนนั้น มันกำลังตีบตันอยู่จริงๆ
เพราะมันเป็นงานเร่ง ต้องรีบส่งเดโมให้ลูกค้าดู และต้องเสร็จให้ได้ภายในครึ่งวัน
แต่ตูก็พยายามเพ่งสมาธิ เพื่อจะรวบรวมเพื่อเข้าถึงในการได้มาซึ่งไอเดีย...
ขณะที่ตูกะลังรวบรวมมันอยู่ตูเริ่มเห็นภาพจินตนาการ ที่เหมือนมีเมฆบังอันเลือนลาง..
ค่อยๆแจ่มจรัสขึ้น กระจ่างขึ้น...

    ทันใดนั้น เจ้าบอมม์เพื่อนร่วมงาน หันหน้ามาดูที่ตูทำ แล้วก็รีบแนะนำกระทันหัน ว่า...
พี่ๆ มันควรมีงั้น มันควร มีงี้ มันควรมีงั้น มันควรมีงี้.....
พี่มันควรเป็นแบบนี้ แบบนั้นมันไม่สมดุล แบบนี้มันไม่เข้ากัน แม่ว่าตูเพิ่งเริ่มจะทำมันก็ตาม
แต่ตูไม่รู้จะอธิบายยังไงว่าตูกำลังเริ่มทำนะ กำลังอยู่ในช่วงทดสอบมาวางนะ...

    จากสภาวะเพ่งกระแสจิตอยู่ ถูกขัดขวางกระทันหัน จากจิตที่เพ่งญาณเข้าชานอยู่นั้น
เปลี่ยนมาเป็นจิตหลุดในบัดดล ในเบื้องลึกตูคิดว่า โอยตูกะลังเพ่งกระแสจิต อย่ามารบกวนสมาธิได้มั้ย...
แต่ด้วยความที่เป็นคนธาตุน้ำสุดใจเย็น ตูความคุมสติเอาไว้ และยอมรับฟังความเห็นของเจ้าบอมบ์ทุกเรื่องราว

    แต่เรื่องที่เจ้าบอมบ์เสนอแนะมานี้ มันคนละเรื่องกับสิ่งที่ตูคิดมา...
ตูเลยไม่เถียง แต่ตูก็เครียด เพราะสิ่งที่กำลังก็ตัวขึ้นบนท้องฟ้าในจิตใจตู มันกำลังจะหายไป...
ตูเลยตัดสินใจมองโลกเครียดๆให้กลายเป็นเรื่องดี

    เนื่องมาจากว่า...เพราะเจ้าบอมบ์มีปัญหากะเจ้านายเรื่องเงินเดือน
โดยเจ้านายอ้างว่า เจ้าบอมบ์ยังไม่มีผลงานอะไรให้โดนตาเจ้านาย
ส่วนตู ตูคิดว่าตูมีผลงาน แต่เงินเดือนตูก็น้อยอยู่เหมือนเดิม แต่ตูปลงแล้ว
(และเริ่มๆมองอนาคต อาจจะหาที่ทำงานใหม่ถ้าเงินยังน้อยอยู่แบบนี้)

    ตูเลยบอกเจ้าบอมบ์ว่า ตูกะลังจะเลิกงานและไปเรียนแล้ว งั้นให้บอมบ์ทำต่อทั้งหมดเลยละกัน
ให้รับผิดชอบทั้งโปรเจ็คเลย ในใจตูคิดว่าเจ้าบอมบ์จะได้มีผลงานเตะตาเจ้านายซะที แต่เจ้าบอมบ์อาจไม่รู้
และคุณผู้อ่านอาจจะคิดว่าตูยกงานไปให้เค้าทำทั้งหมด จะได้สบาย นั่นไม่ใช่ เพราะงานของตูล้นมือเหลือเกิน
ส่วนงานของเจ้าบอมบ์ก็เสร็จแล้วด้วย(จึงมีเวลามาแนะนำไง)

    แต่ก็โอเช..ตูยังหงุดหงิดอยุ่ ที่มาโดนขัดจังหวะ เคือง แต่ตูก็ให้เรื่องมันจบได้โดยไม่ต้องซีเรียสไปถึงเจ้าบอม
ตอนเช้า สิ่งที่เกิดขึ้นคือ..
    1.ตูเจอเจ้าบอมบ์ เจ้าบอมบ์ทำเสร็จแล้ว แต่เป็นเดโมที่เป็นกราฟิกตัวอักษรเป็นกราฟิกหมด โอเค เข้าใจว่ามันเป็นแค่เดโม ไม่จำเป็นต้องเป็นเว็บก็ได้ และตูเห็นว่า สิ่งที่เจ้าบอมบ์ทำ มันก็สวยดี ไอเดียดีเหมือนกัน ตูก็ยินดีด้วย (แต่ในส่วนลึก ตูคิดว่าภาพในจิตนาการของตูนั้นดีกว่า ตูคิดว่า เดโมที่ทำนี้อาจจะนำไปทำเป็นเว็บจริงไม่ได้ตามนี้ จริงๆแล้ว ควรทำเดโมที่เป็นหน้าเว็บจริงๆ มากกว่าที่จะทำเดโมเป็นกราฟิกที่ไม่ใช่เว็บจริง)
    2.แต่ส่วนที่ตูยังทำไม่เสร็จ เจ้าบอมก็ไม่กล้าไปแต่งอะไรมาก เพราะคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ตูจงใจให้เป็น แท้จริงแล้วตูเอามาวางมั่วซั่ว ยังไม่ได้คิดอะไรเลย...
    3.เจ้านายมาดู แล้วถามว่าส่วนนั้น ส่วนนี้ ใครทำ เจ้านายชมส่วนที่เจ้าบอมบ์ทำว่าทำสวย อีกส่วนนั้นเป็นของตู เพราะเจ้าบอมบ์ตกแต่งมันเล็กน้อยเท่านั้น เอาตัวอักษรมาวางเฉยๆ...เจ้านายบอกว่าส่วนนี้ต้องปรับปรุง ก็แหงล่ะ ...
    4.เนื่องจากตูยังเคืองอยู่ ด้วยอารมณ์เคือง ตูเลยไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ตูทำ มันเพิ่งเริ่มวาง มันแค่เพิ่งเริ่ม
    5.ก็เลย ได้แต่พูดว่า ครับ...ครับ...

    ตูไม่ได้น้อยใจ หรือว่าอะไรหรอกนะ แต่ที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ก็เพราะ ตูใช้สิ่งที่เรียกว่า เซ้นส์...

    เพราะตูใช้เซ้นส์ นี้ ในการออกแบบ เพราะตูไม่ได้เรียนออกแบบมา และมันไม่ได้อยู่บนมาตรฐานของคำว่า "หลักการ" ซึ่งคำว่าหลักการนี้ใช้อธิบายสิ่งต่างๆได้ แต่คำว่าเซ้นส์มันอธิบายให้ใครรู้ไม่ได้ ถ้าตูเรียนออกแบบมา ตูคงรู้หลักการว่าจะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจยังไง
เพราะตูใช้เซ้นส์ แต่ ไม่รู้หลักการเลยอธิบายไม่ได้ แล้วจะมีหลักการเป็นเหตุผลไปเถียงกับใครได้ไง
ตูมีนิสัยเป็นคนที่จะพยายามหาเหตุผลของหลายๆเรื่องราว เหตุผลเป็นต้นกำเนิดของหลักการ ถ้าตูไม่มีเหตุผล ก็จะไม่มีหลักการ มาอธิบายให้คนอื่นเข้าใจในสิ่งที่ตูต้องการจะสื่อได้ ตูเลยอยากมีมัน เพื่อที่จะสื่อให้ใครเข้าใจ เพราะตูหงุดหงิดมาก ถ้าคนอื่นเข้าใจอะไรแบบผิดๆ หรือสื่ออะไรให้คนอื่นไม่เข้าใจ

    คำว่า เซ้นส์ น่าจะหมายถึง การที่เราเข้าใจ การหยั่งรู้หรือตัดสินใจ โดยไม่ได้ผ่านการเรียนรู้อย่างมีหลักการมาก่อน เซ้นส์อาจเกิดจากการปลูกฝังโดยไม่ได้ตั้งใจที่จะเรียนรู้ก็เป็นได้ เช่น เด็กที่พ่อแม่เปิดเพลงให้ฟังบ่อยตอนเด็กๆ โตมาก็อาจมีความสามารถทางดนตรี อะไร แบบนี้
ดังนั้นคนเราก็มักจะมีเซ้นส์ไปคนละด้าน ทั้งที่ตัวเองรู้ตัวและไม่รู้ตัว และเซนส์ก็มีปริมาณมากน้อยต่างกัน เช่นการออกแบบเว็บนี่ ตูไม่ค่อยมีเซ้นส์เท่าไหร่ ยิ่งการปฏิบัติตัวไม่ให้ประหม่าต่อหน้าสาวๆนี่ ตูไม่มีเซ้นส์เลย...

    คนที่ไม่มีเซ้นส์ ต้องเข้าใจในหลักการถึงจะปฏิบัติได้ แม้คนมีเซ้นส์ ก็อาจจะปฏิบัติได้ไม่ค่อยดีนักถ้าไม่รู้หลักการ
เพราะฉะนั้น ต้องมีทั้งเซ้นส์และหลักการ ถึงจะทำสิ่งต่างๆที่ต้องการได้อย่างไฉไล...

    และคิดว่า คนที่มีแต่หลักการแต่ไม่มีเซ้นส์ คนผู้นั้นจะไม่มีจินตนาการ
จินตนาการทำให้มนุษย์สร้างสิ่งใหม่ๆบนโลกนี้ได้ ทำให้เราไม่อยู่แบบจำเจ บนโลกแคบๆใบนี้...


สรุป เรื่องเจ้าบอมบ์นั้น แม้ตูหงุดหงิดใจ แต่เราก็ควรรับฟังความเห็นของคนอื่น แม้มันไม่ได้ดั่งใจเรา แต่เราก็ต้องยอมรับในโลกที่เราอยู่ จิตใจจะสุขสงบและลดความวุ่นวายลงเยอะ

2 Comments:

Blogger GirlTear said...

ดีนะ ที่ไม่ใช่ Sex และหลักการ

ป.ล ก็บอกมันไปเลยสิว่า

"อย่าเสือก!" ไอ่ควาย นี่มันเรื่องของกุ

ไอ่ชิบหาย ไปไกลๆตีน

หมดเรื่องคับ

18/7/48 00:20  
Blogger PunNeng said...

ผมชอบงานออกแบบนะพี่ แต่ต้องเป็นงานของผมเอง ไม่ขึ้นกันใคร

ถ้าเป็นงานคนอื่น มันก้อต้องมีถกกันเป็นธรรมดา

ปล. บลิวเอ๊ย เข้าใจว่าพูดเล่น แต่น่าจะลองไปทำจิงๆ มั่งนะ

18/7/48 01:33  

แสดงความคิดเห็น

<< Home